ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เสาหลักหก คลองภาษีเจริญ


ผมได้ยินเรื่องเสาหินหลักคลองดำเนินสะดวกมาบ่อยครั้งแต่ก็ทราบเพียงคร่าวๆ เคยเห็นรูปตามหนังสือต่างๆ ประปรายจนวันหนึ่งกลางปี 2556 ผมได้อ่านหนังสือชื่อ "เกาะสมุย-สงขลา-ระโนด-กระทุ่มแบน" ของ อ.เอนก นาวิกมูล และได้พูดคุยกับอาจารย์ ทำให้ได้ทราบและเห็น ภาพเสาหลักคลองภาษีเจริญ ในพื้นที่กระทุ่มแบนเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นเสาหินจริงๆ


ผมกลับบ้านไปถามพ่อ พ่อผมทราบแต่ว่ามีย่านนึงแถวที่เค้าเรียกกันว่า "หลักหก" แต่พ่อเองก็ไม่เคยเห็น


จนเมื่อมีจังหวะโอกาสในวันที่ 1 ม.ค. 2557 ผมได้ชวนพ่อไปตามดูหลักหินนี้กัน ตามหากันพักหนึ่งเพราะลืมนำข้อมูลในหนังสือมาเป็นข้อมูล แต่สุดท้ายก็พบเสาหินหลักคลองดังกล่าว


เสาหินหลักคลองนี้ตั้งอยู่ภายในรั้วบ้านหลังหนึ่งใกล้กับสะพานวัดดอนไก่ดีเจ้าของบ้านคือลุงนิคม และป้าแอ๊ด ซึ่งเป็นพี่สาวของเพื่อนพ่อผมเลยพอจะคุ้นหน้ากันอยู่บ้าง ท่านเลยเปิดประตูรั้วบ้านให้เข้าไปดูและพบเสาหินหลักคลองดังกล่าว


คุณลุงเล่าว่า เดิมทีเสานี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในรั้วบ้าน ตอนที่มาซื้อที่ปลูกบ้านก็เห็นมันล้มลงอยู่ริมคลอง เลยนำขยับเข้ามาในบริเวณรั้วบ้าน แต่ยังคงอยู่ตำแหน่งที่ใกล้เคียงของเดิม


ผมเข้าไปถ่ายภาพเพื่อเก็บเป็นข้อมูล คุณลุงช่วยแหวกพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ออก เพื่อให้ถ่ายได้เห็นชัดขึ้น


สภาพเสายังอยู่ในสภาพที่ดีมากเลยครับ ที่เสามีการแกะสลักอักษรไว้แต่ดูไม่ค่อยชัด เห็นชัดๆ เพียงตัวเลขไทยว่า ๖๐๐

หลังจากนั้นผมก็ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือของ อ.เอนก นาวิกมูล อีกเช่นกัน คือหนังสือที่ชื่อว่า "เชียงใหม่-ระยอง-หลักสอง-ผักไห่" ซึ่งท่านที่สนใจลองไปหามาอ่านเพิ่มเติมครับ ซึ่งจากการอ่านหนังสือดังกล่าวและข้อมูลที่ได้คุยกับลุงนิคม พอที่จะสรุปได้ดังนี้ครับ


เสาหลักคลองดังกล่าวเป็นหลักบอกระยะทางคลองภาษีเจริญ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยจะมีหลักปักอยู่ทุกๆ ระยะทาง 100 เส้น (4 กิโลเมตร) โดยเริ่มตั้งแต่ หลักศูนย์ ที่ประตูน้ำภาษีเจริญ ปากน้ำ จนถึงหลัก 6 แต่ลุงนิคม และผู้ใหญ่บางท่านก็เล่ากันว่าเคยเห็นหลักเจ็ด อยู่แถวๆ ประตูน้ำกระทุ่มแบน แต่ล้มหล่นหายไปในบริเวณคลองที่เชื่อมต่อแม่น้ำท่าจีนแล้ว ทำให้ไม่ทราบแน่ชัดว่าใช่หลักเจ็ดจริงหรือไม่ เพราะหากคำนวนระยะการปักเสาทุกๆ 100 เส้น หรือทุกๆ 4 กิโลเมตรนั้น จะเกินระยะความยาวคลองภาษีเจริญคือ 24.8 กิโลเมตร และเสาหลักคลองนี้ อ.เอนกได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าจะตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของคลอง เมื่อมองจากกรุงเทพฯ ออกไปยังปลายคลองย่านประตูน้ำกระทุ่มแบนที่เชื่อมต่อแม่น้ำท่าจีน


บนหน้าเสาหินหลักหกนี้มองเห็นชัดเจนเพียงข้อความเลข  ๖๐๐ ส่วนภาษาจีนนั้นพอเห็นลางๆ ไม่ชัดเจนแต่เมื่อเปรียบเทียบกับเสาหลักต้นอื่นตามที่ อ.เอนก นาวิกมูลได้ ไปสำรวจนั้น ก็พอจะสรุปได้ว่าที่หน้าเสานี้จะมีตัวหนังสือ 4 บรรทัด จากบนลงล่างคือ 


  • บรรทัดบนสุด ข้อความภาษาไทยว่า "หกร้อยเส้น"
  • บรรทัดที่ 2 เป็นภาษาจีน ซึ่งเสานี้มองเห็นไม่ชัด แต่ผมลองเทียบกับข้อมูลในหนังสือดังกล่่าว น่าจะเป็นข้อความที่มีความหมายว่า "หกร้อยเส้น" 
  • บรรทัดที่ 3 เป็นข้อความภาษาอังกฤษ "SIX HUNDRED SENS" ซึ่งเสานี้มองเห็นไม่ชัด
  • บรรทัดที่ 4 เป็นตัวเลขไทย "๖๐๐"



นอกจากนี้ ยังมีเสาหลักคลองอื่นๆ ที่ อ.เอนก ได้ลองคำนวนระยะทางแล้ว ประกอบกับข้อมูลที่ลุงนิคมเล่าให้ฟังสรุปได้ว่ามีเสาหลักคลองต้นอืนๆ ที่อยู่ในพื้นที่กระทุ่มแบนจำนวน 3 ต้น คือ


  • หลักสี่ อยู่ย่านวัดใหม่หนองพะอง ในรั้วบ้านริมคลองหลังหนึ่ง
  • หลักห้า น่าจะอยู่ช่วงประมาณค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน แต่ยังไม่พบ 
  • หลักหก อยู่ในรั้วบ้านลุงนิคม ใกล้กับสะพานวัดดอนไก่ดี

บันทึกเมื่อ 6 มกราคม 2557
แก้ไขเรื่องการพบหลักสี่เมื่อราวปี 2558-2559 (แก้ไขโพสต์ 20-09-2560)

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชื่อ "กระทุ่มแบน" มาจากไหน

"บ้านน้องอยู่ที่ไหนนะ?" "กระทุ่มแบนครับ" "แล้ว กระทุ่มแบน เนี่ย ทำไมมันถึงชื่อนี้?" "อืม..ไม่แน่ใจ...ไม่ทราบเลยครับ" เชื่อได้ว่าคนกระทุ่มแบนหลายคนคงจะคุ้นเคยกับบทสนทนาประมาณข้างต้น ที่ตอบได้เพียงคำถามแรก แต่เมื่อถึงคำถามที่สอง เซลล์สมองอาจต้องวิ่งทำงานเหนื่อยกันเลยทีเดียว สุดท้ายบางคนตอบได้ บางคนเดาไป บางคนถามกลับว่า "อยากจะรู้ไปทำไม" สำหรับผมแล้ว... "กระทุ่มแบน...ทำไมมันถึงชื่อนี้" มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจมาหลายปี จนกระทั่งวันที่พอจะมีกำลังและเวลา รวมถึงความพร้อมประกอบอื่นๆ ทำให้ได้ออกค้นหาคำตอบเสียที ภาพแผนที่ตัดเฉพาะส่วนจากกรมแผนที่ทหารบกสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2456 ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

วัดนางสาวมีโบสถ์ มหาอุด หรือ มหาอุตม์ เขียนแบบไหน?

โบสถ์มหาอุด วัดนางสาว ถ่ายเมื่อ 1 ม.ค. 2562 คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อถ้าบอกว่าเป็นคนกระทุ่มแบนแต่ไม่รู้จักวัดนางสาว เพราะเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนา มีตำนานเรื่องเล่ามากมายหลากหลายเรื่อง รวมถึงโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าหลายๆ โบสถ์ของวัดในเมืองไทย ส่วนประวัติวัดนางสาว และเรื่องราวประกอบอื่นๆ ผมคงได้รวบรวมข้อมูล ประวัติต่างๆ เพื่อเขียนให้ได้อ่านกันในบทความถัดๆ ไป ในตอนนี้ขอกล่าวถึง โบสถ์หรืออุโบสถที่วัดนางสาว  อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้ามีพาไลหรือพะไลยื่นออกมา 1 ห้อง (พาไลหรือพะไล แปลว่า เรือนหรือเพิงโถง ต่อจากเรือนเดิมหรืออยู่ในบริเวณของเรือนเดิม ใช้เป็นที่นั่งเล่นหรือประโยชน์อื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ห้องนอน)  มีเสาปูนสี่เหลี่ยมรองรับโครงหลังคาจำนวน 4 ต้น ช่อฟ้าใบระกาเป็นปูนปั้นประดับกระจก ผนังอุโบสถก่ออิฐถือปูน มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยปูหินอ่อนภายใน มีลายจิตรกรรมฝาผนัง ด้านผนังนอกมีการปรับเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผาที่มี

เปิดตำนาน "ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่มแบน"

หากค้นรูปถ่ายติดบัตรขาวดำเก่าๆ ยุค 2500 ที่บ้านของคนกระทุ่มแบนขึ้นมาดู ผมเชื่อว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรูปถ่ายเหล่านั้น บนมุมซ้ายหรือขวาด้านล่างของรู ปจะต้องมีตราประทับแบบนูนของร้ านถ่ายรูปแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่นิยมและได้รั บความไว้วางใจจากชาวกระทุ่ มแบนมาอย่างยาวนาน นั่นคือ "ห้องภาพชูศิลป์ : ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่ มแบน" หลังจากหาเวลานัดหมายกับห้องภาพชูศิลป์ ให้จังหวะลงตัวกับวันที่ ผมพอจะว่างจากทั้ งงานประจำและงานพิเศษในวันหยุ ดเสาร์-อาทิตย์เรียบร้อย ผมจึงได้มีโอกาสฟังเรื่องราวดีๆ จากทายาทผู้ก่อตั้ง "ห้องภาพชูศิลป์" ในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2562 คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" ลูกสาวคนโตของเจ้าของห้องภาพชูศิลป์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2492 ได้บอกเล่าให้ผมได้ฟังด้วยรอยยิ้ มอารมณ์ดีถึงประวัติห้องภาพชูศิลป์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในรุ่นของคุ ณพ่อและคุณแม่  คุณพ่อมีลูก 5 คน คือ คุณป้าเป็นคนโต มีน้องชาย 3 คน และน้องสาวคนเล็กอีกคน   คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" จุดเริ่มต้นของอาชีพถ่ายภาพ คุณแม่ป้าเช็งชื่อ &quo