ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"กระทุ่มแบน" จากเกร็ดประวัติศาสตร์ใน "จดหมายเหตุเสด็จประพาสต้น"



ภาพจาก เพจกระทุ่มแบนในอดีต
ถ่ายภาพโดย คุณคุณมงคล ตั้งธนัง


เมื่อช่วงเริ่มต้นการตามหาภาพเก่าและข้อมูลเกี่ยวกับกระทุ่มแบนนั้น ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือจดหมายเหตุประพาสต้น (ร.ศ. ๑๒๓) พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ไปบางส่วนเพื่อค้นเรื่องราวว่ามีการบันทึกบางช่วงบางตอนเกี่ยวกับ "กระทุ่มแบน" ไว้บ้างหรือไม่

นายทรงอานุภาพ หรือ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

อ่านไปเพียงฉบับที่ ๒ ก็ได้พบช่วงที่ทรงพระนิพนธ์ไว้เมื่อ ๑๖ เดือนกรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๓ ขณะประทับแรมอยู่ที่วัดโชติการาม คลองดำเนินสะดวก
โดยมีส่วนที่เกี่ยวกับ "กระทุ่มแบน" ดังนี้

"วันที่ ๑๕ เวลาเช้า ออกกระบวนล่องลงมาเข้าคลองบางกอกใหญ่และคลองภาษีเจริญ ฉันมากระบวนหน้าตามเคย ประจวบเวลาหัวน้ำลง เมื่อพ้นหนองแขมเจอเรือไฟที่ไปก่อนติดขวางคลองอยู่ลำหนึ่ง ฉันจึงปล่อยเรือไฟที่จูงเรือให้คอยตามเรือไฟลำหน้า ส่วนตัวฉันเองให้คนแจวเรือล่องเลยไปจอดคอยเรือไฟที่น้ำลึกบ้านกระทุ่มแบน รอๆอยู่เท่าใดๆ ก็ไม่เห็นเรือไฟตามออกมา น้ำก็แห้งงวดลงไปทุกที พอแน่ใจว่าเรือไฟคงติดเสียกลางทางแล้ว ก็พอนึกขึ้นได้ว่าครัวมอเสบียงอาหารอยู่ในเรือไฟหมดทั้งนั้น และดูนายอัษฎาวุธท่าจะออกหิว จึงชวนกันขึ้นบกเดินไปเที่ยวซื้อข้าวแกงกินที่ตลาดบ้านกระทุ่มแบน ไปเจอคนผัดหมี่ดี คุยว่ารู้จักคุ้นเคยกับเจ้าคุณเทศผ่านมาเป็นต้องแวะกินหมี่เสมอ ซื้อเสบียงอาหารได้พอกันแล้ว ได้ยินเสียงโรงละครที่โรงบ่อน นายอัษฎาวุธเกิดอยากดูละคร พากันไปดู ไปเจอเจ้าของละครเจ้ากรรมรู้จักว่าฉันเป็นหุ้มแพรมหาดเล็ก ต้องรีบหนีพากันมาลงเรือ แต่กระนั้นก็ไม่พ้น พอประเดี๋ยวเจ้าหมี่เจ้าหม่าพากันมารุมมาตุ้มพิธีแตก เพราะนายอัษฎาวุธทีเดียว ถ้านายอัษฎาวุธไม่พาไปดูละครก็คงได้นั่งกินข้างแกงกันในตลาดให้สนุก นี่กลับต้องกินสำรับคับค้อนแล้วตอบแทนเขาแทบไม่ไหว 
จอดรอกระบวนเสด็จอยู่จนค่ำ กลางคืนน้ำขึ้น เรือไฟพ่วงล่วงหน้าหลุดออกมาทีละลำสองลำ ถามดูก็ไม่ได้ความว่ากระบวนเสด็จอยู่ที่ไหน จนยามกว่าจึงได้ความจากเรือลำหนึ่งว่า ประทับแรมอยู่ที่หน้าวัดหนองแขม ฉันก็เลยจอดนอนคอยเสด็จอยู่ที่กระทุ่มแบนนั่นเอง 
ครั้นรุ่งเช้า วันที่ ๑๖ ออกเรือล่วงหน้ามาคอยเสด็จอยู่ที่ปากคลองดำเนินสะดวก พอประมาณ ๔ โมงเช้ากระบวนเสด็จมาถึง เลยเข้าคลองต่อมา น้ำกำลังท่วมทุ่งท่วมค้นคลองเจิ่งทั้งสองข้าง เรือแล่นได้สะดวก พอสักบ่าย ๒ โมงก็มาถึงหลักหก หยุดกระบวนประทับแรมที่วัดโชติทายการาม เวลาบ่ายทรงเรือเล็กพายไปประพาสทุ่ง คือไร่ที่น้ำท่วม เจ้าของไร่กำลังเก็บเอาหอมกระเทียมขึ้นผึ่งตามนอกชานบ้านเรือนตลอดจนบนหลังคา เพราะไม่มีที่ดิน น้ำท่วมเป็นทะเลหมด..."


หลังผมจากอ่านจบก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจบางส่วน และปล่อยผ่านเลยไปเสียหลายปี จวบจนช่วงสายๆ วันนี้ (๒๓ มิ.ย. ๖๒) ได้หนังสือเก่า "จดหมายเหตุเสด็จประพาสต้น" ฉบับพิมพ์เนื่องในคล้ายวันประสูติของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๓๖ มาอ่านรื้อฟื้นความจำอีกครั้ง ทำให้เกิดคำถามใหม่ รวมกับคำถามเดิมในฐานะที่ผมเป็นคนกระทุ่มแบน และขอสันนิษฐาน ชวนให้ช่วยกันคิด ซึ่งความคิดผมอาจไม่ถูกต้องก็ได้ หากท่านใดมีข้อมูลสันนิษฐานอื่นๆ ก็ช่วยกันค้นคว้าหาต่อกันด้วยเถิด เพราะคนกระทุ่มแบนน้อยคน ที่ตั้งคำถามและออกตามหาคำตอบ

แผนที่แสดงตำแหน่งจุดที่ ร.๕ ประทับแรมบริเวณหน้าวัดหนองแขมและบริเวณบ้านกระทุ่มแบน

๑. จุดที่นายทรงอานุภาพ (สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ให้คนแจวเรือไปจอดคอยคือบริเวณใดที่บ้านกระทุ่มแบน?
• ชวนให้ช่วยกันคิด
  • จุดนั้นต้องเป็นจุดที่คลองมีระดับน้ำลึก ท่านจึงใช้คำว่า "น้ำลึกบ้านกระทุ่มแบน"
  • อาจจะเป็นบริเวณสี่แยกกระทุ่มแบนในรัศมีไม่ไกลมากนัก  แต่อาจไม่ใช่ตรงสี่แยกตลาดพอดี เพราะยามเช้ามืดจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือมาขายของมีจำนวนมาก ตลาดจะคึกคัก ไม่น่าจะเหมาะแก่การจอดนอน แต่อาจจะเป็นทางฝั่งแป๊ะกง เพราะมีเพิงจอดเรือของพ่อค้าแม่ค้าที่มาพักอยู่
  • จุดนั้นต้องสงบประมาณหนึ่ง และไม่ไกลจากศูนย์กลางตลาดบ้านกระทุ่มแบน  เพราะท่านใช้คำว่า "...ชวนกันขึ้นบกเดินไปเที่ยว..." แสดงว่าต้องมีการเดินการระยะหนึ่ง
  • จุดนั้นไม่น่าจะใช่บริเวณประตูน้ำกระทุ่มแบน เพราะห่างไกลจากตลาดบ้านกระทุ่มแบน มากเกินไป และหากเป็นจุดนั้น ท่านน่าจะมีพระนิพนธ์จุดจอดเรือเป็นประตูน้ำกระทุ่มแบน
  • ผมมีความเห็นว่าจุดนั้นมีความเป็นไปได้ คือ
    ๑. ริมคลองภาษีเจริญบริเวณที่ว่าการอำเภอกระทุ่มแบนปัจจุบัน เพราะจุดนั้นไม่น่าจะพลุกพล่านมากนัก

    ๒. ที่ว่าการอำเภอในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๗) ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ตลาด ดังข้อมูลในหนังสือที่ระลึกพิธีเปิดอาคารที่ว่าการอำเภอกระทุ่มแบน พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้มีการระบุข้อมูลว่า

    ร.ศ.๑๑๗ (พ.ศ. ๒๔๔๑) สมัยขุนไกรกำแหง (สอน รตานนท์) ดำรงตำแหน่งนายอำเภอแทนขุนเทพบุรี (นุ่ม)ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งที่โรงบ่อนบ้านขุนไกรกำแหง ตรงสี่แยกกระทุ่มแบน

    ร.ศ. ๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗) สมัยหลวงนารถประชารักษ์ (สุดใจ) ดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ได้ก่อสร้างที่ว่าการอำเภอขึ้นใหม่เป็นเอกเทศ โดยตั้งอยู่ ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอปัจจุบัน เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวทรงเตี้ย หลังคามุงจาก

    ทั้งข้อ ๑ และ ๒ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่ว่าการหลังเดิมหรือหลังปัจจุบัน เพราะเป็นปีเดียวกันกับที่เสด็จประพาส อาจเป็นช่วงรอยต่อในการก่อสร้างหรือย้ายสถานที่

    หรือ

    ๓. บริเวณริมคลองภาษีเจริญจุดที่เลยจุดตัดคลองภาษีเจริญกับคลองกระทุ่มแบนไประยะหนึ่ง เช่น บริเวณเลยตรอกโรงยาไปเล็กน้อยซึ่งอาจเป็นที่เดียวกันกับข้อ ๒. ซึ่งใกล้กับบริเวณที่ว่าการอำเภอ บ้านขุนไกรกำแหง หรือบริเวณย่านสะพานตรงศาลหลวงตาทองในปัจจุบัน

สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
ภาพจาก https://th.wikipedia.org

๒. นายอัษฎาวุธ (สมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา) และ นายทรงอานุภาพ เดินไปเที่ยวซื้อข้าวแกงน่าจะเป็นบริเวณใดของตลาดกระทุ่มแบน ?
• ชวนให้ช่วยกันคิด
  • จุดนั้นน่าจะไม่ห่างจากจุดจอดเรือมากนัก
  • จุดนั้นน่าจะเป็นตลาดบ้านกระทุ่มแบนที่ไม่ได้ห่างจากริมคลองมากนัก
  • จุดนั้นน่าจะอยู่บริเวณสี่แยกตลาดกระทุ่มแบนที่เป็นศูนย์กลางการค้าในยุคก่อนๆ
  • ผมมีความเห็นว่าจุดนั้นมีความเป็นไปได้ คือ   บริเวณตลาดสี่แยกกระทุ่มแบนในส่วนที่เป็นบก ไม่เป็นไปตามแนวคลองภาษีเจริญ ก็น่าจะเป็นร้านตามแนวคลองกระทุ่มแบน ซึ่งทั้ง 2 ตลองตัดผ่านกันอยู่


๓. คนผัดหมี่ที่ทั้ง ๒ ท่านเดินไปพบ และคุยว่าคุ้นเคยกับเจ้าคุณเทศ นั้นคือใคร?
• ชวนให้ช่วยกันคิด
  • เจ้าคุณเทศ น่าจะหมายถึง เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นพระเพ็ชรพิไสยศรีสวัสดิ์ปลัดเมืองเพชรบุรี ในรัชกาลที่ ๕ ได้เลื่อนเป็นพระยาสุรินทรลือไชย ผู้ว่าราชการเมืองเพชรบุรี ซึ่งท่านน่าจะต้องใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางไปเมืองเพชรบุรี) ผ่านมาเป็นต้องแวะกินหมี่เสมอ
  • ร้านผัดหมี่นี้น่าจะเป็นที่ขึ้นชื่อพอสมควร ถึงขนาดท่านเจ้าคุณเทศ แวะมารับประทานบ่อยจนรู้จักมักคุ้นกัน
  • ผมมีความเห็นว่าจุดนั้นมีความเป็นไปได้ ไม่น่าต่างจากข้อ ๒.


๔. โรงละครในโรงบ่อน ที่ทั้ง ๒ ท่านไปดูคือที่ใด?
• ชวนให้ช่วยกันคิด
  • โรงละครในโรงบ่อนนี้ ต้องอยู่ระหว่างทางไปจุดจอดเรือ หรือ  ไม่ไกลจากจุดซื้อเสบียง
  • โรงบ่อนในย่านนั้น เท่าที่ผมเคยได้ยินมาน่าจะเคยมีอยู่บริเวณตรอกโรงยาในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเป็นโรงบ่อนเดียวกับที่ระบุในในหนังสือข้างต้นว่า "สมัยขุนไกรกำแหง (สอน รตานนท์) ดำรงตำแหน่งนายอำเภอแทนขุนเทพบุรี (นุ่ม)ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งที่โรงบ่อนบ้านขุนไกรกำแหง ตรงสี่แยกกระทุ่มแบน" ดังนั้น อาจจะเป็นบ่อนของขุนไกรกำแหง ก็มีความเป็นไปได้ แต่ต้องรอตรวจสอบข้อมูลและสอบถามคนเก่าแก่ในย่านนั้นอีกครั้ง
  • หากเป็นระหว่างทางจากตลาด มาเส้นทางฝั่งที่ว่าการอำเภอกระทุ่มแบน ผมยังไม่มีข้อมูลว่ามีโรงบ่อน แถวไหนบ้างหรือไม่
  • ผมมีความเห็นว่าจุดนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นบริเวณตรอกโรงยาในปัจจุบันหรือโรงบ่อนขุนไกรกำแหง  (สอน รตานนท์)  เพราะไม่ไกลจากสี่แยกกระทุ่มแบนมากนัก


๕. เจ้าของโรงละครที่รู้จักกับนายทรงอานุภาพนั้น คือใคร?
• ชวนให้ช่วยกันคิด
  • เจ้าของละคร น่าจะเป็นคหบดีที่มีชื่อเสียง
  • เจ้าของละครอาจจะเป็นหรือเคยรับราชการ??
  • มีความเป็นไปได้ที่เจ้าของละครอาจเป็นนายอำเภอในสมัยนั้น นั่นคือ  ขุนไกรกำแหง  (สอน รตานนท์) 
แผนที่แสดงบริเวณตลาดกระทุ่มแบนซึ่งเป็นบริเวณที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้มีพระนิพนธ์ถึงไว้
จากข้อมูลที่ผมไ้ดเขียนเล่าและสันนิษฐานไว้นั้น อาจไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ถ้าไม่มีการกระตุ้น สันนิษฐานสิ่งเหล่านี้ไว้ ก็จะหาคนมาต่อยอดได้ลำบาก ดังนั้น หากท่านใดมีข้อมูล เป็นลูกหลานบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ หรือเคยได้ยินเรื่องเล่าจากรุ่นบรรพบุรุษมา ก็รบกวนช่วยแจ้งข้อมูล หรือช่วยบอกเล่าได้เลยนะครับ หวังใจว่าสักวันหนึ่งคงจะเจอข้อมูลที่มีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจนขึ้น


๒๕ มิ.ย. ๖๒
แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อ ๒๖ มิ.ย. ๖๒
แอดมินกระทุ่มแบนโฟโต้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชื่อ "กระทุ่มแบน" มาจากไหน

"บ้านน้องอยู่ที่ไหนนะ?" "กระทุ่มแบนครับ" "แล้ว กระทุ่มแบน เนี่ย ทำไมมันถึงชื่อนี้?" "อืม..ไม่แน่ใจ...ไม่ทราบเลยครับ" เชื่อได้ว่าคนกระทุ่มแบนหลายคนคงจะคุ้นเคยกับบทสนทนาประมาณข้างต้น ที่ตอบได้เพียงคำถามแรก แต่เมื่อถึงคำถามที่สอง เซลล์สมองอาจต้องวิ่งทำงานเหนื่อยกันเลยทีเดียว สุดท้ายบางคนตอบได้ บางคนเดาไป บางคนถามกลับว่า "อยากจะรู้ไปทำไม" สำหรับผมแล้ว... "กระทุ่มแบน...ทำไมมันถึงชื่อนี้" มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจมาหลายปี จนกระทั่งวันที่พอจะมีกำลังและเวลา รวมถึงความพร้อมประกอบอื่นๆ ทำให้ได้ออกค้นหาคำตอบเสียที ภาพแผนที่ตัดเฉพาะส่วนจากกรมแผนที่ทหารบกสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2456 ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

วัดนางสาวมีโบสถ์ มหาอุด หรือ มหาอุตม์ เขียนแบบไหน?

โบสถ์มหาอุด วัดนางสาว ถ่ายเมื่อ 1 ม.ค. 2562 คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อถ้าบอกว่าเป็นคนกระทุ่มแบนแต่ไม่รู้จักวัดนางสาว เพราะเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนา มีตำนานเรื่องเล่ามากมายหลากหลายเรื่อง รวมถึงโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าหลายๆ โบสถ์ของวัดในเมืองไทย ส่วนประวัติวัดนางสาว และเรื่องราวประกอบอื่นๆ ผมคงได้รวบรวมข้อมูล ประวัติต่างๆ เพื่อเขียนให้ได้อ่านกันในบทความถัดๆ ไป ในตอนนี้ขอกล่าวถึง โบสถ์หรืออุโบสถที่วัดนางสาว  อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้ามีพาไลหรือพะไลยื่นออกมา 1 ห้อง (พาไลหรือพะไล แปลว่า เรือนหรือเพิงโถง ต่อจากเรือนเดิมหรืออยู่ในบริเวณของเรือนเดิม ใช้เป็นที่นั่งเล่นหรือประโยชน์อื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ห้องนอน)  มีเสาปูนสี่เหลี่ยมรองรับโครงหลังคาจำนวน 4 ต้น ช่อฟ้าใบระกาเป็นปูนปั้นประดับกระจก ผนังอุโบสถก่ออิฐถือปูน มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยปูหินอ่อนภายใน มีลายจิตรกรรมฝาผนัง ด้านผนังนอกมีการปรับเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผาที่มี

เปิดตำนาน "ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่มแบน"

หากค้นรูปถ่ายติดบัตรขาวดำเก่าๆ ยุค 2500 ที่บ้านของคนกระทุ่มแบนขึ้นมาดู ผมเชื่อว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรูปถ่ายเหล่านั้น บนมุมซ้ายหรือขวาด้านล่างของรู ปจะต้องมีตราประทับแบบนูนของร้ านถ่ายรูปแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่นิยมและได้รั บความไว้วางใจจากชาวกระทุ่ มแบนมาอย่างยาวนาน นั่นคือ "ห้องภาพชูศิลป์ : ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่ มแบน" หลังจากหาเวลานัดหมายกับห้องภาพชูศิลป์ ให้จังหวะลงตัวกับวันที่ ผมพอจะว่างจากทั้ งงานประจำและงานพิเศษในวันหยุ ดเสาร์-อาทิตย์เรียบร้อย ผมจึงได้มีโอกาสฟังเรื่องราวดีๆ จากทายาทผู้ก่อตั้ง "ห้องภาพชูศิลป์" ในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2562 คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" ลูกสาวคนโตของเจ้าของห้องภาพชูศิลป์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2492 ได้บอกเล่าให้ผมได้ฟังด้วยรอยยิ้ มอารมณ์ดีถึงประวัติห้องภาพชูศิลป์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในรุ่นของคุ ณพ่อและคุณแม่  คุณพ่อมีลูก 5 คน คือ คุณป้าเป็นคนโต มีน้องชาย 3 คน และน้องสาวคนเล็กอีกคน   คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" จุดเริ่มต้นของอาชีพถ่ายภาพ คุณแม่ป้าเช็งชื่อ &quo