ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หลวงขาณุบุรินทร์โยธี (อ้น ทองเอกลาภ) คนท่าเสา กระทุ่มแบน

เจดีย์บรรจุอัฐิหลวงขาณุบุรินทร์โยธี (อ้น ทองเอกลาภ) ภรรญา และญาติ
เจดีย์บรรจุอัฐิหลวงขาณุบุรินทร์โยธี (อ้น ทองเอกลาภ) ภรรยา และญาติ

          ย้อนกลับไปเกือบ ๔ ปีก่อน เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ มิ.ย. ๒๕๖๐ ผมไปเดินหาข้อมูลเรื่องเก่าๆ ย่านวัดท่าเสา กระทุ่มแบน เดินไปเรื่อยเปื่อย ถ่ายรูปบริเวณในวัด เดินผ่านเจดีย์บรรจุอัฐิที่มีทั้งเก่าใหม่รูปร่างแปลกแตกต่างกันไป ระหว่างนั้นก็ได้ไล่อ่านชื่อตามฐานเจดีย์ควบคู่ไปด้วยบางชื่อ บางนามสกุล ไม่เคยทราบหรือคุ้นมาก่อนว่าเป็นคนในย่านกระทุ่มแบน เลยถ่ายภาพเผื่อมาหาข้อมูลเพิ่มเติม และใช้เป็นข้อมูลประกอบอื่นๆ ในอนาคต ผมสะดุดตากับชื่อหนึ่งซึ่งน่าสนใจ คือ หลวงขาณุบุรินทร์โยธี (อ้น ทองเอกลาภ) ด้วยความที่ผมอ่านหนังสือไม่เยอะมาก เบื้องต้นจึงค้นหาผ่านระบบออนไลน์พบข้อมูลที่สรุปจาก บันทึกความทรงจำชีวิตในต่างประเทศ ภาคต้น พระนิพนธ์ในพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงมยุรฉัตร โดยมีช่วงหนึ่งระบุไว้ว่า
"หลวงขาณุบุรินทร์โยธีปลัดกรมของกรมพระกำแพงฯ อีกคนหนึ่งที่มีโอกาสตามเสด็จต่างประเทศ เจ้านายทุกพระองค์รู้จักในนามว่า นายอ้น นายอ้นต้องสะพายกล้องถ่ายรูปถ่ายหนังหลายอันจนเต็มบ่าทั้งซ้ายขวา บางคราวมองเห็นแต่หมวกกับรองเท้าส่วนตรงกลางตัวบรรทุกสัมภาระมากมายมองดูนุงนังไปหมด นายอ้นถูกกริ้วบ่อยครั้งที่สุดแต่เขาเป็นคน หน้าตาย ถึงจะกริ้วหรือไม่กริ้วก็ไม่แสดงให้ทราบว่ามีความรู้สึกอย่างใด นี่ก็อีกคนที่สามารถไปเที่ยวได้ตามลำพัง แต่ครั้งแรกต้องมีผู้พาไปก่อน"
          ผมนึกในใจมาโดยตลอดว่าน่าไปค้นต่อจริงๆ ว่านายอ้น ท่านนี้มีประวัติเป็นมาอย่างไร ลูกหลานยังอยู่หรือไม่ เป็นคนกระทุ่มแบนหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่พบข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ผมได้รับข้อความทางเฟซบุ๊กจาก "พี่เล็ก" พี่ที่เคารพนับถือท่านหนึ่งทางด้านประวัติศาสตร์ ได้ส่งรูปปกหนังสือที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ หลวงขาณุบุรินทร์โยธี (อ้น ทองเอกลาภ)  ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันพฤหัสที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๒๐ พร้อมรูปและหน้าประวัติมาให้ และช่วยแนะนำเรื่องที่น่าจะมีข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม แต่ผมยังหาบทความและหนังสือดังกล่าวไม่พบ ผมเปิดอ่านไฟล์รูปด้วยความตื่นเต้นและดีใจที่ได้ไขคำตอบ ชื่อใต้ฐานเจดีย์บรรจุอัฐิที่วัดท่าเสา เมื่อ ๔ ปีก่อน

          หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผมได้พบพ่อค้าหนังสือเก่าลงขายหนังสือเล่มดังกล่าวในเฟซบุ๊ก จึงได้ติดต่อและซื้อมาเก็บไว้ในครอบครอง และพิมพ์คัดลอกในส่วนประวัติจากช่วงต้นหนังสือมาเผยแพร่เพื่อเป็นบันทึกส่วนหนึ่งเกี่ยวกับคนกระทุ่มแบนไม่ให้สูญหายไป หากบุตร หลาน ญาติมิตรของหลวงขาณุบุรินทร์โยธี (อ้น ทองเอกลาภ) ได้มีโอกาสเปิดมาอ่านบทความนี้และอยากเพิ่มเติมข้อมูลอื่นใด รบกวนแจ้งมาทางเพจกระทุ่มแบนโฟโต้ได้เลยนะครับ 


ประวัติ

หลวงขาณุบรินทร์โยธี (อ้น ทองเอกลาภ) 




          นายอ้น ทองเอกลาภ เป็นบุตร นายทอง นางบุญเกิดเมื่อพุทธศักราช ๒๔๓๓ ณ ตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีพี่น้อง ๔ คนคือ:- 

๑. นายอ้น ทองเอกลาภ
๒. นายอั๋น ทองเอกลาภ (ถึงแก่กรรม)
๓. นางปุ้ย คำลออ (ถึงแก่กรรม)
๔. นางนวล (ถึงแก่กรรม) 

          นายอ้นอยู่กับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากจนถึงสุดท้ายของชีวิต คือ นางวันดี ทองเอกลาภ มีบุตรและบุตรี รวม๔ คน คือ:-

๑. นางฉวี เทพหัสดิน ณ อยุธยา
๒. นายสุนทร ทองเอกลาภ
๓. นางมาลี บุนนาค 
๔. นางฉอ้อน ทองเอกลาภ 

         ในขณะที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ นายอ้นได้ช่วยพ่อแม่ทำนาด้วยความขยันหมันเพียร โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากนายอันมีความระลึกและภูมิใจอยู่เสมอในอาชีพการทำนา แม้ชีวิตเกือบจะเข้าสู่วัยชรา นายอ้นยังคงสนับสนุนและส่งเสริมให้ลูกหลานทำนา นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้ในระยะเวลาต่อมาจะได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว ก็จะต้องกลับไปเยี่ยมบิดามารดาทุกๆ เดือน โดยเดินเท้าจากกรุงเทพฯ ไปสมุทรสาคร (ขณะนั้นการคมนาคมไม่สะดวก) 

          นอกจากนั้น นายอ้นยังมีความรักอย่างยุติธรรมแก่น้องทั้งสาม จึงเป็นที่เคารพของน้องอย่างสูง นายอ้น ทองเอกลาภ ได้จากบ้านมาอยู่กับพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เมื่ออายุได้ ๑๒ ปี ตั้งแต่พระองค์ท่านดำรงพระอิศริยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ครั้นเมื่อได้รับการสถาปนาเป็นกรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน นายอันก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นหมื่นขาณุบุรินทร์โยธี ตำแหน่ง "ปลัดกรม" (ผมหาข้อมูลเพิ่มเติม *เมื่อปีมะเมีย อัฐศก จุลศักราช ๑๒๖๘ พ.ศ. ๒๔๔๙ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) และในที่สุดก็ได้รับการแต่งตั้งเบ็น "หลวงขาณุบุรินทร์โยธี" (ผมหาข้อมูลเพิ่มเติม *เมื่อปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช ๑๒๙๑  พ.ศ. ๒๔๗๒ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว)

         ในเวลาต่อมาในขณะที่กำลังรับราชการสนองพระเดชพระคุณในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินอยู่นั้น นายอ้นได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เด็ดเดี่ยว และกล้าหาญ ในขณะที่กรมพระกำแพงเพชรฯ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพานิชย์และคมนาคม นายอ้นได้ตามเสด็จไปประเทศต่างๆ ในยุโรปถึง ๒ ครั้ง และประเทศจีน ๑ ครั้ง ในฐานะมหาดเล็กคนสนิทของพระองค์ท่าน 

         ครั้นเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เสด็จในกรมพระกำแพงเพชรฯ เสด็จไปประทับยังประเทศสิงคโปร์ นายอ้นมิได้ตามไปด้วย แต่อยู่เฝ้าวังบ้านดอกไม้ (บัจจุบัน คือ องค์การน้ำตาล) ตราบจนกระทั่งเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรฯ สิ้นพระชนม์ จึงได้ย้ายไปอยู่กับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ณ วังนฤมล ราชวัตร นายอ้น ทองเอกลาภ กราบทูลลาออกมาใช้ชีวิตอยู่กับบรรดาลูก ๆ และหลานๆ เมื่อชีวิตเข้าวัยชรา 

          นายอ้นเป็นคนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีระเบียบ และตรงเวลาทั้งการกิน การนอน ตลอดจนการศึกษาหาความรู้ จึงมีพลานามัยสมบูรณ์ เป็นผู้ที่ชอบสะสมบุญุกุศล เช่น การทอดกฐิน การสร้างเมรุเผาศพให้แก่วัดท่าเสา อำเภอกระทุ่มเบน เป็นเงินถึงสามแสนบาทเศษ เป็นตัน แต่ด้วยกฎแห่งธรรมชาติตามธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ว่า "ไม่มีผู้ใดจะหลีกเลี่ยงความแก่ ความเจ็บ และความตายไปได้" เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๒๐ นายอ้นก็ล้มเจ็บด้วยไข้หวัด ถึงแพทย์จะเยียวยาจนสุดความสามารถเพียงใด นายอ้น ทองเอกลาภ ก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ในคืนวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๒๐ รวมสิริอายุได้ ๘๗ บี ซึ่งเบ็นที่เสียใจอย่างสุดซึ้งของภรรยาลูก หลาน ญาติ และมิตร.


คำไว้อาลัยจากลูก



คำไว้อาลัยจากหลาน












แหล่งอ้างอิง
  • บุตร ธิดา หลวงขาณุบุรินทร์โยธี. ๒๕๒๐. ที่ระลึก งานฌาปนกิจศพ หลวงขาณุบุรินทร์โยธี. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์วิญญาณ
  • สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร. บันทึกเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ.  [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://valuablebook2.tkpark.or.th/2015/5/document9.html.  (วันที่ค้นข้อมูล : ๙ มีนาคม ๒๕๖๔).

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชื่อ "กระทุ่มแบน" มาจากไหน

"บ้านน้องอยู่ที่ไหนนะ?" "กระทุ่มแบนครับ" "แล้ว กระทุ่มแบน เนี่ย ทำไมมันถึงชื่อนี้?" "อืม..ไม่แน่ใจ...ไม่ทราบเลยครับ" เชื่อได้ว่าคนกระทุ่มแบนหลายคนคงจะคุ้นเคยกับบทสนทนาประมาณข้างต้น ที่ตอบได้เพียงคำถามแรก แต่เมื่อถึงคำถามที่สอง เซลล์สมองอาจต้องวิ่งทำงานเหนื่อยกันเลยทีเดียว สุดท้ายบางคนตอบได้ บางคนเดาไป บางคนถามกลับว่า "อยากจะรู้ไปทำไม" สำหรับผมแล้ว... "กระทุ่มแบน...ทำไมมันถึงชื่อนี้" มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจมาหลายปี จนกระทั่งวันที่พอจะมีกำลังและเวลา รวมถึงความพร้อมประกอบอื่นๆ ทำให้ได้ออกค้นหาคำตอบเสียที ภาพแผนที่ตัดเฉพาะส่วนจากกรมแผนที่ทหารบกสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2456 ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

วัดนางสาวมีโบสถ์ มหาอุด หรือ มหาอุตม์ เขียนแบบไหน?

โบสถ์มหาอุด วัดนางสาว ถ่ายเมื่อ 1 ม.ค. 2562 คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อถ้าบอกว่าเป็นคนกระทุ่มแบนแต่ไม่รู้จักวัดนางสาว เพราะเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนา มีตำนานเรื่องเล่ามากมายหลากหลายเรื่อง รวมถึงโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าหลายๆ โบสถ์ของวัดในเมืองไทย ส่วนประวัติวัดนางสาว และเรื่องราวประกอบอื่นๆ ผมคงได้รวบรวมข้อมูล ประวัติต่างๆ เพื่อเขียนให้ได้อ่านกันในบทความถัดๆ ไป ในตอนนี้ขอกล่าวถึง โบสถ์หรืออุโบสถที่วัดนางสาว  อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้ามีพาไลหรือพะไลยื่นออกมา 1 ห้อง (พาไลหรือพะไล แปลว่า เรือนหรือเพิงโถง ต่อจากเรือนเดิมหรืออยู่ในบริเวณของเรือนเดิม ใช้เป็นที่นั่งเล่นหรือประโยชน์อื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ห้องนอน)  มีเสาปูนสี่เหลี่ยมรองรับโครงหลังคาจำนวน 4 ต้น ช่อฟ้าใบระกาเป็นปูนปั้นประดับกระจก ผนังอุโบสถก่ออิฐถือปูน มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยปูหินอ่อนภายใน มีลายจิตรกรรมฝาผนัง ด้านผนังนอกมีการปรับเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผาที่มี

เปิดตำนาน "ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่มแบน"

หากค้นรูปถ่ายติดบัตรขาวดำเก่าๆ ยุค 2500 ที่บ้านของคนกระทุ่มแบนขึ้นมาดู ผมเชื่อว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรูปถ่ายเหล่านั้น บนมุมซ้ายหรือขวาด้านล่างของรู ปจะต้องมีตราประทับแบบนูนของร้ านถ่ายรูปแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่นิยมและได้รั บความไว้วางใจจากชาวกระทุ่ มแบนมาอย่างยาวนาน นั่นคือ "ห้องภาพชูศิลป์ : ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่ มแบน" หลังจากหาเวลานัดหมายกับห้องภาพชูศิลป์ ให้จังหวะลงตัวกับวันที่ ผมพอจะว่างจากทั้ งงานประจำและงานพิเศษในวันหยุ ดเสาร์-อาทิตย์เรียบร้อย ผมจึงได้มีโอกาสฟังเรื่องราวดีๆ จากทายาทผู้ก่อตั้ง "ห้องภาพชูศิลป์" ในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2562 คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" ลูกสาวคนโตของเจ้าของห้องภาพชูศิลป์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2492 ได้บอกเล่าให้ผมได้ฟังด้วยรอยยิ้ มอารมณ์ดีถึงประวัติห้องภาพชูศิลป์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในรุ่นของคุ ณพ่อและคุณแม่  คุณพ่อมีลูก 5 คน คือ คุณป้าเป็นคนโต มีน้องชาย 3 คน และน้องสาวคนเล็กอีกคน   คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" จุดเริ่มต้นของอาชีพถ่ายภาพ คุณแม่ป้าเช็งชื่อ &quo