ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พิธีเปิด เอามื้อสามัคคี โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ณ บ้านโต้ล้ง

วันนี้ได้อ่านโพสต์ในเฟซบุ๊กของคุณอาปรีชา ฐินากร ที่ไปเก็บภาพข่าว พิธีเปิด "เอามื้อสามัคคี โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน" ย่านโต้ล้ง คุณอาปรีชา ได้บรรยายถึงพิธีเปิดพร้อมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับที่มาของ "บ้านโต้ล้ง" ไว้อย่างน่าสนใจ และเชื่อว่า เด็กรุ่นใหม่ๆ  หลายคน หรือแม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่เคยได้ฟังข้อมูลนี้ จึงได้ติดต่อขออนุญาตคุณอาปรีชา เพื่อนำรูปและ ข้อมูลมาเผยแพร่ เป็นประโยชน์ต่อไป ดังนี้ครับ

พิธีเปิด "เอามื้อสามัคคี โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน"

3 ธันวาคม 2564 เวลา 9.00 น. นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิด ณ บ้านโต้ล้ง หมู่ 2 ต.สวนหลวง มีนายบรรพต จันทรวงค์ นายอำเภอ, นายก้องเกียรติ มาลี กำนัน, นายเสริมศักดิ์ กุศลใบบุญ ผู้ใหญ่บ้าน และนายบรรจง เบี้ยวบังเกิด เจ้าของพื้นที่และภาคีเครือข่ายการพัฒนาชุมชน ร่วมพิธี

 
นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

ประธานพิธีเปิดกล่าวว่า  เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวนี้เป็นกิจกรรมที่กระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน ผ่านกิจกรรมการพัฒนาและสนับสนุนพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับครัวเรือน ในโครงการพัฒนาพืนที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นา พช." ที่แสดงให้เห็นถึงการร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามวัฒนธรรมและวิถีชิวิตเดิมที่พบในทุกพื้นที่ เป็นกระบวนการทำงาน "ทำแบบคนจน" เพื่อขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติ การใช้กิจกรรมเอามื้อสามัคคีมาขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบในแต่ละแปลง จึงเป็นการรื้อฟื้นเอาวิถีชีวิตดั้งเดิม วัฒนธรรมอันดีของคนไทยย้อนกลับมาปฏิบัติให้เกิดการปฏิบัติตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ รวมทั้งสร้างความเป็นจิตอาสาพัฒนาชุมชนจนเกิดเครือข่ายที่มีพลังและความสามัคคี

นอกจากนี้ การเอามื้อสามัคคี เป็นการเรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติจริง โดยมีการแบ่งหน้าที่วางแผนการเอามื้อสามัคคีเริ่มจากการสร้างความรู้ เตรียมความพร้อมกิจกรรม จากนั้นแบ่งหน้าที่ แบ่งคน แบ่งงานภายใต้แนวคิด "คึกคัก คล่องแคล่ว ครื้นเครง" และการลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งกิจกรรมเอามื้อสามัคคีเป็นการเรียนรู้ 10 ขั้นตอนตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ อาทิ การร่วมกันเอามื้อห่มดิน ร่วมกันปลูกหญ้าแฝก การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง รวมทั้งการปลูกผักสวนครัวและพืชเศรษฐกิจ

"หมู่บ้านโต้ล้ง" เป็นชุมชนเก่าแก่นับร้อยปี ตั้งอยู่ริมคลองภาษีเจริญ หมู่ 2 ตำบลสวนหลวง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีเนื้อที่ 580 ไร่ แบ่งเป็นที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 377 ไร่ ที่ดินเอกชน 203 ไร่ (0.928 ตารางกิโลเมตร) 

ผู้สูงอายุในหมู่บ้านเล่าต่อกันมาว่า เดิมที่ดินเป็นของขุนนางชั้นพระยาคนหนึ่ง เมื่อท่านถึงแก่กรรมได้ถวายที่ดินให้พระมหากษัตริย์ซึ่งต่อมาอยู่ในการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เรียกว่า ที่ดินสวนผักหนองแขมกระทุ่มแบน

พื้นที่ทั้งหมู่บ้านเป็นสวนผัก สวนผลไม้และสวนอ้อย เมื่อกว่า 100 ปีมานี้ได้มีคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนเข้ามาทำการเกษตร เท่าที่ทราบจากข้อมูลเดิมว่าเริ่มแรกมี 6 ครอบครัว แล้วขยายไปเป็น 34 ครอบคร้ว และเพิ่มจำนวนครอบครัวมากขึ้นในกาลต่อมา

สมัยก่อน พืชผลทางการเกษตรจะขนส่งไปจำหน่ายภายนอกหมู่บ้านไปได้ทางเดียวคือ ทางเรือโดยอาศัยเส้นทางคลองวัดนางสาวและคลองภาษีเจริญ ทั้งนี้ ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างโรงเรือนขนาดใหญ่สำหรับพักรอสินค้าลงเรือ ชาวบ้านจึงเรียกโรงเรือนนี้ว่า "ตั้วล้ง" หรือ "ล้งผัก"

คลองวัดนางสาว ก็เลยถูกเรียกเป็น คลองตั้วล้ง ไปด้วย

"ตั้วล้ง" ภาษาจีน "ตั้ว" แปลว่าใหญ่, "ล้ง" แปลว่า "โรงเรือนหรือที่พักสินค้า ที่พักคนงาน" (มีความหมายเช่นเดียวกับล้งปลา ล้งกุ้ง ล้งหมึก ล้งเกลือ)

ทางเดินในหมู่บ้านเป็นทางเท้าเชื่อมติดต่อกันไปตามคันเดินสวน เมื่อชาวบ้านเดินไปที่โรงเรือนที่พักสินค้าผ่านเพื่อนบ้านก็จะบอกว่าไปตั้วล้ง หรือไปล้ง จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน

ประมาณ พ.ศ. 2527 ทางราชการมีนโยบายให้ทำป้ายชื่อหมู่บ้าน กำนันในสมัยนั้นได้ทำป้ายสนองนโยบายแต่ไปเขียนเป็น "บ้านโต้ล้ง" และใช้เป็นชื่อทางการมาถึงปัจจุบันนี้ 

ต่อมา พ.ศ. 2503 รัฐบาลได้ก่อสร้างถนนเศรษฐกิจ 1 ช่วงกระทุ่มแบน - อ้อมน้อยเสร็จและถนนได้ตัดผ่านหมู่บ้านด้านทิศตะวันตก การขนส่งสินค้าและการคมนาคมทางเรือจึงเปลี่ยนมาเป็นทางรถยนต์แทนจนถึงปัจจุบัน

โรงเจฮะน่ำตั้ว

หมู่ที่ 2 บ้านโต้ล้ง ปัจจุบันมีครัวเรือน 730 ครัวเรือน มีประชากร 2,230 คน ซึ่งประกอบอาชีพหลากหลายประมาณ 9 อาชีพ มีสถานที่สำคัญคือ โรงเจฮะน่ำตั้ว, สถานธรรมก่วงเต๋อหยูเอวี้ยน (มูลนิธิเผยแพร่คุณธรรม), ศาลเจ้าปู่ตระกูลซิ้ม ส่วนประเพณีและวัฒนธรรมมีงานทำบุญหมู่บ้านในวันที่ 1 พฤษภาคม งานเทศกาลถือศีลกินเจ 10 วันช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ทุกปีตลอดมา

ผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

   นายฮะสุ่น       ไทยกิ่ง

   นายบู้              แซ่ซิ้ม

   นายแต๋            แซ่ซิ้ม

   นายทงเหล็ง   แซ่ซิ้ม (ณรงค์)

   นายสมพงษ์    จันทร์นวล

   นายชัยพร       ศิริพงษ์เวคิน

   นายสมบัติ       ศิริพงษ์เวคิน

   นายเสริมศักดิ์ กุศลใบบุญ ปัจจุบัน

คุณอาปรีชา ฐินากร

จากข้อมูลที่คุณอาปรีชา ได้เล่าเพิ่มเติมประกอบข่าวในข้างต้นนั้น ทำให้ผมอยากไปติดตามหาข้อมูลต่อเลยว่า ขุนนางชั้นพระยา ในเรื่องเล่านั้นท่านคือใคร รวมถึงต้องลองไปค้นในแผนที่เก่าเพื่อดูบริเวณดังกล่าวเพิ่มเติม

น่าชื่นใจมากครับที่เห็นคนในชุมชนยังทราบเรื่องเล่าความเป็นมาของชุมชนตนเอง อาจไม่ต้องทราบทั้งอำเภอ ขอแค่ทราบในพื้นที่ที่ตนเกิด หรืออาศัยอยู่ คนละนิดคนละหน่อย ก็จะช่วยเติมเต็มข้อมูลกระทุ่มแบนในแต่ละพื้นที่ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ

ขอขอบคุณภาพถ่ายและข้อมูลจาก คุณอาปรีชา ฐินากร เป็นอย่างสูงครับ





โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชื่อ "กระทุ่มแบน" มาจากไหน

"บ้านน้องอยู่ที่ไหนนะ?" "กระทุ่มแบนครับ" "แล้ว กระทุ่มแบน เนี่ย ทำไมมันถึงชื่อนี้?" "อืม..ไม่แน่ใจ...ไม่ทราบเลยครับ" เชื่อได้ว่าคนกระทุ่มแบนหลายคนคงจะคุ้นเคยกับบทสนทนาประมาณข้างต้น ที่ตอบได้เพียงคำถามแรก แต่เมื่อถึงคำถามที่สอง เซลล์สมองอาจต้องวิ่งทำงานเหนื่อยกันเลยทีเดียว สุดท้ายบางคนตอบได้ บางคนเดาไป บางคนถามกลับว่า "อยากจะรู้ไปทำไม" สำหรับผมแล้ว... "กระทุ่มแบน...ทำไมมันถึงชื่อนี้" มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจมาหลายปี จนกระทั่งวันที่พอจะมีกำลังและเวลา รวมถึงความพร้อมประกอบอื่นๆ ทำให้ได้ออกค้นหาคำตอบเสียที ภาพแผนที่ตัดเฉพาะส่วนจากกรมแผนที่ทหารบกสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2456 ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

วัดนางสาวมีโบสถ์ มหาอุด หรือ มหาอุตม์ เขียนแบบไหน?

โบสถ์มหาอุด วัดนางสาว ถ่ายเมื่อ 1 ม.ค. 2562 คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อถ้าบอกว่าเป็นคนกระทุ่มแบนแต่ไม่รู้จักวัดนางสาว เพราะเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนา มีตำนานเรื่องเล่ามากมายหลากหลายเรื่อง รวมถึงโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าหลายๆ โบสถ์ของวัดในเมืองไทย ส่วนประวัติวัดนางสาว และเรื่องราวประกอบอื่นๆ ผมคงได้รวบรวมข้อมูล ประวัติต่างๆ เพื่อเขียนให้ได้อ่านกันในบทความถัดๆ ไป ในตอนนี้ขอกล่าวถึง โบสถ์หรืออุโบสถที่วัดนางสาว  อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้ามีพาไลหรือพะไลยื่นออกมา 1 ห้อง (พาไลหรือพะไล แปลว่า เรือนหรือเพิงโถง ต่อจากเรือนเดิมหรืออยู่ในบริเวณของเรือนเดิม ใช้เป็นที่นั่งเล่นหรือประโยชน์อื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ห้องนอน)  มีเสาปูนสี่เหลี่ยมรองรับโครงหลังคาจำนวน 4 ต้น ช่อฟ้าใบระกาเป็นปูนปั้นประดับกระจก ผนังอุโบสถก่ออิฐถือปูน มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยปูหินอ่อนภายใน มีลายจิตรกรรมฝาผนัง ด้านผนังนอกมีการปรับเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผาที่มี

เปิดตำนาน "ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่มแบน"

หากค้นรูปถ่ายติดบัตรขาวดำเก่าๆ ยุค 2500 ที่บ้านของคนกระทุ่มแบนขึ้นมาดู ผมเชื่อว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรูปถ่ายเหล่านั้น บนมุมซ้ายหรือขวาด้านล่างของรู ปจะต้องมีตราประทับแบบนูนของร้ านถ่ายรูปแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่นิยมและได้รั บความไว้วางใจจากชาวกระทุ่ มแบนมาอย่างยาวนาน นั่นคือ "ห้องภาพชูศิลป์ : ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่ มแบน" หลังจากหาเวลานัดหมายกับห้องภาพชูศิลป์ ให้จังหวะลงตัวกับวันที่ ผมพอจะว่างจากทั้ งงานประจำและงานพิเศษในวันหยุ ดเสาร์-อาทิตย์เรียบร้อย ผมจึงได้มีโอกาสฟังเรื่องราวดีๆ จากทายาทผู้ก่อตั้ง "ห้องภาพชูศิลป์" ในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2562 คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" ลูกสาวคนโตของเจ้าของห้องภาพชูศิลป์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2492 ได้บอกเล่าให้ผมได้ฟังด้วยรอยยิ้ มอารมณ์ดีถึงประวัติห้องภาพชูศิลป์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในรุ่นของคุ ณพ่อและคุณแม่  คุณพ่อมีลูก 5 คน คือ คุณป้าเป็นคนโต มีน้องชาย 3 คน และน้องสาวคนเล็กอีกคน   คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" จุดเริ่มต้นของอาชีพถ่ายภาพ คุณแม่ป้าเช็งชื่อ &quo