ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๓๕ สาย ธนบุรี - ปากท่อ" โดย นายเฉลียว วัชรพุกก์ อธิบดีกรมทางหลวง


         ในช่วงนี้ "ถนนพระราม ๒" หรือชื่อเดิม "ถนนปากท่อ-ธนบุรี" กำลังเป็นข่าวคราวที่ได้รับการพูดถึงผ่านสื่อต่างๆ มากมาย เนื่องด้วยเป็นถนนที่มีการก่อสร้าง ปรับปรุง สร้างเพิ่มเติมกันมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการจราจร ความเป็นอยู่ของชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง

         บังเอิญผมได้มีโอกาสอ่านบทความเก่าเรื่องหนึ่งที่เขียนขึ้นใน วารสารทางหลวง ของกรมทางหลวง กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๓ ชื่อเรื่องว่า "ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๓๕ สาย ธนบุรี - ปากท่อ" โดย นายเฉลียว วัชรพุกก์ อธิบดีกรมทางหลวง ในขณะนั้น ผมจึงขออนุญาตคัดลอกเนื้อหา และภาพแผนที่จากในวารสารออกมาเผยแพร่ รวมถึงบันทึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในอดีตให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ

แผนที่ถนนสายธนบุรี-ปากท่อ
แผนที่แสดงเส้นทางถนนสายธนบุรี-ปากท่อ (เส้นปะสีดำเข้ม)

         ทางหลวงแผ่นดินสายธนบุรี - ปากท่อ เป็นทางหลวงแผ่นดินสายใหม่ ซึ่งกรมทางหลวงกำลังเริ่มโครงการก่อสร้างใหม่ ทางหลวงสายนี้เริ่มต้นที่คาวคะนอง จังหวัดธนบุรี ไปสู่จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายเพชรเกษม ประมาณกิโลเมตรที่ ๑๓๔ ใต้อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ประมาณ ๓ กิโลเมตร มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ ๘๔ กิโลเมตร และทางสายนี้จะเชื่อมกับทางสายประธานสายใต้ หากผู้ที่ต้องการเดินทางไม่ประสงค์จะผ่านจังหวัคนครปฐม และราชบุรี จะย่นระยะทางได้ถึง ๓๕ กิโลเมตร กับทั้งจะหลีกเลี่ยงความแออัดของยวดอานในทางสายกรุงเทพ ฯ นครปฐม ซึ่งขณะนี้มีปริมาณจราจรจำนวนเฉลี่ย ๑,๑๐๐ คันต่อวัน

         จังหวัดสมุทรสาครขณะนี้ มีทางรถยนตร์ที่ติดต่อกับจังหวัดพระนครเพียงสายเดียว คือ ทางหลวงจังหวัด หมายเลข ๓๐๙๑ หรือที่เรียกว่าทางสายเศรษฐกิจหนึ่ง ซึ่งมาบรรจบกับถนเพชรเกษม ทางสายนี้เพิ่งจะลาดยางเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๑๑ แต่ยังอยู่ในมาตรฐานขั้นต่ำ ระยะทางจากสมุทรสาคร ถึงกรุงเทพ ฯ ประมาณ ๔๕ กิโลเมตร ส่วนทางสายธนบุรี - ปากท่อ นั้น จะทำให้จังหวัดสมุทรสาครใกล้กรุงเทพฯ เข้ามาอีกคือ มีระยะเพียง ๓๐ กิโลเมตรเท่านั้น

         สำหรับจังหวัดสมุทรสงครามนั้น ขณะนี้ทางรถยนตร์ยังไม่ถึงตัวจังหวัด การติดต่อทางรถยนต์จากจังหวัดสมุทรสงคราม จำเป็นจะต้องข้ามแม่น้ำแม่กลอง มาตามทางหลวงหมายเลข ๓๐๙๓ ทางหลวงสายสมุทรสงคราม - ปากท่อ บรรจบถนนเพชรเกษมที่อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ระยะทางจากสมุทรสงคราม ถึงพระนครประมาณ ๑๕๕ กิโลเมตร แต่ทางหลวงสายธนบุรี - ปากท่อ นี้ จะทำให้จังหวัดสมุทรสงครามติดต่อกับกรุงเทพฯ ได้ในระยะทาง ๖๕ กิโลเมตรเท่านั้น

ถนนพระราม ๒ เมื่อ ๒๕๑๔
ถนนพระราม ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔
สแกนภาพโดยคุณ Phong  คัดลอกภาพจาก Facebook "Explore World"

         การคมนาคมในระหว่างสองจังหวัดปากอ่าวไทย เดิมเป็นการติดต่อกันในระบบทางลำน้ำลำคลองมากกว่าทางถนน คือ คลองซึ่งเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งได้แก่ คลองมหาชัย คลองท่าจีน คลองบางบ่อ คลองแม่กลอง คลองดำเนินสะดวก คลองภาษีเจริญ และทางรถไฟสายคลองสาน สมุทรสาคร - สมุทรสงคราม แต่ทางรถไฟนี้ยังไม่บรรจบกับระบบสาย Main ของการไฟ และการข้ามแม่น้ำท่จีนต้องขนถ่ายลงเรืออีกด้วย ส่วนทางบกแม้ขณะนี้จะมีทางที่ไปถึงจังหวัดทั้งสองได้ ก็เบ็นทางชั้นรอง และต้องอ้อมเข้ากรุงเทพฯ คือทางสายเศรษฐกิจหนึ่ง และทางสายสมุทรสงคราม - ปากท่อ ดังกล่าวแล้วข้างต้น  ขณะนี้กรมทางหลวงได้กำลังก่อสร้างทางหลวงจังหวัด เพื่อเข้าสู่จังหวัดทั้งสอง แต่ยังไม่ถึงตัวจังหวัดอีก ๒ สาย คือ ทางสายพระประโทน - ตอนยายหอม - บ้านแพ้ว- สมุทรสาคร และทางสายบางแพ - ดำเนินสะดวก-สมุทรสงคราม ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งสองสายได้ภายใน พ.ศ. ๒๕๑๕ หากสถานะการเงินอำนวยให้พอ


ถนนธนบุรี-ปากท่อราวยุค พ.ศ. ๒๕๒๐ ช่วงระหว่าง ต.กาหลง กับ ต.นาโคก จ.สมุทรสาคร


แม่ค้าขายเกลือริมถนนธนบุรี-ปากท่อ พ.ศ. ๒๕๒๑
ภาพจากเพจ ภาพเก่าเล่าอดีต

         เนื่องด้วยทางหลวงสายนี้ผ่านพื้นที่ราบลุ่ม ซึ่งดินส่วนมากเบ็นดินเหนียว (Soft Marine Clay ) บริษัทผู้รับงานสำรวจออกแบบจึง ได้ทำถนนทดลองขึ้น เพื่อศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ นำมาใช้ในการออกแบบโครงสร้างของถนน ตลอดจนหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับการก่อสร้างเพื่อให้การทรุดตัวของถนนทรุดน้อยที่สุด สามารถรับน้ำหนักการจราจรได้ บริเวณตอสะพานซึ่งมักจะทรุดอยู่เสมอนั้น ก็ได้ออกแบบป้องกันไว้ใช้เข็มตอก ณ บริเวณคอสะพานก่อนทำการถมดิน การทดลองดังกล่าวนั้นเลือกสถานที่ก่อสร้าง ๓ แห่ง คือ ที่
- ที่ริมแม่น้ำท่าจีน แห่งหนึ่ง
- ที่ถนนเอกชัยใกล้สถานีคอกควาย แห่งหนึ่ง
และที่คลองตะเคียนใกล้แม่น้ำแม่กลอง แห่งหนึ่ง

         ถนนทดลองได้ทดลองเสร็จไปแล้วสองแห่งแรก ส่วนที่คลองตะเคียนกำลังทดลองอยู่ซึ่งจะแล้วเสร็จในเร็ววันนี้

         งานสำรวจออกแบบทางนี้ นับได้ว่าแล้วเสร็จเรียบร้อยโดยประมาณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ ๕๕๗ ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นค่าใช้จ่ายค่าก่อสร้าง และอำนวยการเสียประมาณ ๔๓๕ ล้านบาทโดยใช้จากเงินกู้ธนาคารโลก ๔๕ % และเงินงบประมาณ ๕๕% และเป็นค่าทดแทนในการเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอาคารตลอดจนพืชผล จำนวนเงินประมาณ ๑๒๒ ล้านบาท ค่าทดแทนนี้จ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดิน

         การสำรวจออกแบบซึ่งได้กล่าวแล้วว่าได้แล้วเสร็จนั้น ขณะนี้ยังต้องแก้ไขอีกบางตอน คือ ตรงทางแยกที่ดาวคะนอง ตอนที่เชื่อมกับถนนสุขสวัสดิ์นั้น ต้องออกแบบใหม่ เนื่องด้วยเทศบาลนครธนบุรี มีโครงการที่จะย้ายถนนตากสินให้กว้างออกไปอีก ฉะนั้น จำต้องออกแบบให้ได้ส่วนสัมพันธ์กับถนนที่ขยายใหม่

         นอกจากนี้จะต้องออกแบบสร้างสะพานลอยข้ามทางรถไฟเพิ่มเติม อีกสามแห่งเพื่อความสะดวกและปลอยภัยแก่ผู้ใช้ทางหลวงบนสายนี้ สะพานลอยข้ามทางรถไฟสามแห่งนี้ คือที่ทางรถไฟสายธนบุรี - สมุทรสาคร แห่งหนึ่ง ตอนระหว่างสมุทรสาครไปสมุทรสงคราม แห่งหนึ่ง และทางรถไฟสายใต้ ตอนใต้ของอำเภอปากท่อ ประมาณ ๓ กิโลเมตร อีกแห่งหนึ่ง

         การก่อสร้างทางสายนี้ ได้กำหนดไว้แล้วให้เบ็นการ ก่อสร้างโดยวิธีจ้างเหมาประกวดราคาและเพื่อที่จะเร่งรัดให้งานก่อสร้างได้แล้วเสร็จในเวลาเร็วพอสมควร คือ ในกลางปี ๒๕๑๕ จึงได้กำหนดแบ่งการก่อสร้างเป็น ๓ ตอน คือ

         ตอนที่ ๑ จากธนบุรี ถึง สมุทรสาคร โดยเริ่มต้นจากทางแยกถนนสุขสวัสดิ์ที่ดาวคะนอง ธนบุรี ไปถึงต้านเหนือตัวจังหวัดสมุทรสาครหนึ่งกิโลเมตร มีระยะทาง ๒๔ กิโลเมตร กำหนดยื่นซองประกวดราคาประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้

         ตอนที่ ๒ จากสมุทรสาคร ถึง สมุทรสงคราม โดยเริ่มตันต่อจากตอนที่ ๑ ไปถึงสมุทรสงคราม ซึ่งอยู่ในตัวจังหวัดสมุทรสงครามประมาณ  ๑ กิโลเมตร และอยู่ด้านตะวันออกแม่น้ำกลองประมาณ ๓๐๐ เมตร ความยาวของช่วงนี้ ๓๖ กิโลเมตร บริษัท Hyun Dai Construction Co. Ltd. เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ในวงเงิน ๑๔๘,๘๗๑,๔๙๐ บาท

         ตอนที่ ๓ จากสมุทรสงคราม ถึง อำเภอปากท่อ โดยเริ่มต้นต่อจากตอนที่ ๒ ข้ามแม่น้ำแม่กลองไปจดถนนเพชรเกษม ประมาณ ก.ม. ๑๓๔ ตอนใต้อำเภอปากท่อ ประมาณ ๓ กิโลเมตร มีความยาว ๑๙ กิโลเมตร บริษัท Lolel Boneh's Overseas and Harbour Work เบ็นผู้ประมูลได้ในราคา ๙๓,๖๒๖,๓๖๐ บาท การเรียกประกวดราคานั้น กรมทางหลวงได้ประกาศประกวดราคาโดยในชั้นแรก ได้ประกาศจดทะเบียนคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยพิจารณาถึงคุณสมบัติความสามารถของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่จะสามารถก่อสร้างงานนี้ให้สำเร็จตามแผนได้

         เนื่องด้วยในบัจจุบันมีทางหลวงสายประธานสายเดียว เท่านั้นที่เชื่อมจังหวัดพระนครกับภาคตะวันตกและภาคใต้ คือ ทางหลวงหมายเลข ๔ หรือที่เรียกว่า ทางหลวงสายเพชรเกษม ซึ่งผ่านจังหวัดนครปฐม - ราชบุรี และเพชรบุรี ส่วนการคมนาคมสู่จังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงกราม ไม่มีทางตัดตรงจากพระนคร ธนบุรี จะมีก็เฉพาะทางหลวงจังหวัดเชื่อมกับทางหลวงสายเพชรเกษม ซึ่งมีระยะทางยาวและอ้อมมาก ดังได้เรียนมาแล้วข้างต้นการก่อสร้างทางหลวงสายนี้ จะทำให้จังหวัดทั้งสองกลายเบ็นเมืองเปิดและสามารถที่จะส่งผลผลิตเข้ากรุงเทพฯ ได้สะดวกและระยะสั้นเข้า เบ็นการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและประหยัดเวลาในการเดินทางเป็นอย่างมาก และคาดหมายว่าในอนาคตปริมาณการจราจรประมาณ ๕๐ % จะหันไปใช้ทางสายใหม่นี้เอง เนื่องด้วยเป็นทางลัดย่นระยะทางได้ถึง ๓๕ กิโลเมตรอันเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้ง่ายในการขนส่ง ส่วนทางเดิมนั้นก็จะช่วยให้ค่าบำรุงรักษาลดน้อยลง และใช้สำหรับบริการจังหวัคภาคตะวันตกซึ่งนับวันจะเจริญเติบโตต่อไปข้างหน้าอีกมาก

“ถนนพระรามที่ ๒” บริเวณแยกต่างระดับสมุทรสาคร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ ในภาพคือแยกเข้าอำเภอกระทุ่มแบน ภาพจาก หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ ๒๗-๒๙ มีนาคม ๒๕๓๘ ฉบับพิเศษหน้า ๕) คัดลอกจากเพจเมืองเก่าเล่าใหม่
“ถนนพระรามที่ ๒” บริเวณแยกต่างระดับสมุทรสาคร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘
ในภาพคือแยกเข้าอำเภอกระทุ่มแบน
ภาพจาก หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ ๒๗-๒๙ มีนาคม ๒๕๓๘ ฉบับพิเศษหน้า ๕)
คัดลอกจากเพจเมืองเก่าเล่าใหม่

การขยาย “ถนนพระรามที่ ๒” ไม่ทราบบริเวณ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ ภาพจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ ๒๔-๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๕ (หน้า ๑๒)
การขยาย “ถนนพระรามที่ ๒” ไม่ทราบบริเวณ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕
ภาพจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ ๒๔-๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๕ (หน้า ๑๒)
คัดลอกจากเพจเมืองเก่าเล่าใหม่


ขอบคุณข้อมูลจาก วารสารทางหลวง www.doh.go.th


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชื่อ "กระทุ่มแบน" มาจากไหน

"บ้านน้องอยู่ที่ไหนนะ?" "กระทุ่มแบนครับ" "แล้ว กระทุ่มแบน เนี่ย ทำไมมันถึงชื่อนี้?" "อืม..ไม่แน่ใจ...ไม่ทราบเลยครับ" เชื่อได้ว่าคนกระทุ่มแบนหลายคนคงจะคุ้นเคยกับบทสนทนาประมาณข้างต้น ที่ตอบได้เพียงคำถามแรก แต่เมื่อถึงคำถามที่สอง เซลล์สมองอาจต้องวิ่งทำงานเหนื่อยกันเลยทีเดียว สุดท้ายบางคนตอบได้ บางคนเดาไป บางคนถามกลับว่า "อยากจะรู้ไปทำไม" สำหรับผมแล้ว... "กระทุ่มแบน...ทำไมมันถึงชื่อนี้" มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจมาหลายปี จนกระทั่งวันที่พอจะมีกำลังและเวลา รวมถึงความพร้อมประกอบอื่นๆ ทำให้ได้ออกค้นหาคำตอบเสียที ภาพแผนที่ตัดเฉพาะส่วนจากกรมแผนที่ทหารบกสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2456 ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

วัดนางสาวมีโบสถ์ มหาอุด หรือ มหาอุตม์ เขียนแบบไหน?

โบสถ์มหาอุด วัดนางสาว ถ่ายเมื่อ 1 ม.ค. 2562 คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อถ้าบอกว่าเป็นคนกระทุ่มแบนแต่ไม่รู้จักวัดนางสาว เพราะเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนา มีตำนานเรื่องเล่ามากมายหลากหลายเรื่อง รวมถึงโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าหลายๆ โบสถ์ของวัดในเมืองไทย ส่วนประวัติวัดนางสาว และเรื่องราวประกอบอื่นๆ ผมคงได้รวบรวมข้อมูล ประวัติต่างๆ เพื่อเขียนให้ได้อ่านกันในบทความถัดๆ ไป ในตอนนี้ขอกล่าวถึง โบสถ์หรืออุโบสถที่วัดนางสาว  อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้ามีพาไลหรือพะไลยื่นออกมา 1 ห้อง (พาไลหรือพะไล แปลว่า เรือนหรือเพิงโถง ต่อจากเรือนเดิมหรืออยู่ในบริเวณของเรือนเดิม ใช้เป็นที่นั่งเล่นหรือประโยชน์อื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ห้องนอน)  มีเสาปูนสี่เหลี่ยมรองรับโครงหลังคาจำนวน 4 ต้น ช่อฟ้าใบระกาเป็นปูนปั้นประดับกระจก ผนังอุโบสถก่ออิฐถือปูน มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่โดยปูหินอ่อนภายใน มีลายจิตรกรรมฝาผนัง ด้านผนังนอกมีการปรับเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผาที่มี

เปิดตำนาน "ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่มแบน"

หากค้นรูปถ่ายติดบัตรขาวดำเก่าๆ ยุค 2500 ที่บ้านของคนกระทุ่มแบนขึ้นมาดู ผมเชื่อว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรูปถ่ายเหล่านั้น บนมุมซ้ายหรือขวาด้านล่างของรู ปจะต้องมีตราประทับแบบนูนของร้ านถ่ายรูปแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่นิยมและได้รั บความไว้วางใจจากชาวกระทุ่ มแบนมาอย่างยาวนาน นั่นคือ "ห้องภาพชูศิลป์ : ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของกระทุ่ มแบน" หลังจากหาเวลานัดหมายกับห้องภาพชูศิลป์ ให้จังหวะลงตัวกับวันที่ ผมพอจะว่างจากทั้ งงานประจำและงานพิเศษในวันหยุ ดเสาร์-อาทิตย์เรียบร้อย ผมจึงได้มีโอกาสฟังเรื่องราวดีๆ จากทายาทผู้ก่อตั้ง "ห้องภาพชูศิลป์" ในวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2562 คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" ลูกสาวคนโตของเจ้าของห้องภาพชูศิลป์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2492 ได้บอกเล่าให้ผมได้ฟังด้วยรอยยิ้ มอารมณ์ดีถึงประวัติห้องภาพชูศิลป์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในรุ่นของคุ ณพ่อและคุณแม่  คุณพ่อมีลูก 5 คน คือ คุณป้าเป็นคนโต มีน้องชาย 3 คน และน้องสาวคนเล็กอีกคน   คุณพวงเพ็ญ โภคฐิติยุกต์ หรือ "ป้าเช็ง" จุดเริ่มต้นของอาชีพถ่ายภาพ คุณแม่ป้าเช็งชื่อ &quo